ตร. เตรียมนำตัว 2 ใน 4 กะเทยฟิลิปปินส์ ส่งฝากขังศาล สั่งปรับ 2 ผตห. ชาวฟิลิปินส์ คนละ 10,000 บาท


6 มี.ค. 2567, 21:10

ตร. เตรียมนำตัว 2 ใน 4 กะเทยฟิลิปปินส์ ส่งฝากขังศาล สั่งปรับ 2 ผตห. ชาวฟิลิปินส์ คนละ 10,000 บาท




วันที่ 6 มี.ค.2567 ที่สน.ลุมพินี เจ้าหน้าที่ตัวแทนสถานเอกอัครราชทูต ฟิลิปปินส์ ได้มีการนำตัวกระเทยฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เข้ามาพูดคุยเจรจาไกล่เกลี่ยกับนายณัฐพร บัวแก้ว หรือ แชมป์ ผู้ต้องหาชาวไทย ถึงเหตุการณ์ดังกล่าว

โดยมีคนกลางทั้ง เจ้าหน้าที่สถานทูตฯ ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง พล.ต.ต.วิทวัฒน์ ชินคำ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล5 สมาคมไกล่เกลี่ย และสมาคมล่ามแห่งประเทศไทย ในขณะที่กระเทยฟิลิปปินส์ (คนผู้บาดเจ็บ) เดินเข้าห้องประชุม ก่อนเข้าเจรจาไกล่เกลี่ย ทีมข่าวสังเกตเห็นว่า บริเวณลำคอของกะเทยปินส์ มีร่องรอยบาดแผลรอยช้ำตามตัว และใบหน้า ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องประชุม เพื่อเข้าสู่ขั้นตอนตาม พ.ร.บ.ไกล่เกลี่ย

ภายหลังประชุมเจรจาไกล่เกลี่ย นานกว่า 2 ชม. พล.ต.ต.วิทวัฒน์ ชินคำ ผบก.น.5. บอกภายหลังการไกล่เกลี่ยว่าการเจรจาไกล่เกลี่ยครั้งนี้จบลงไปด้วยดี  ซึ่งในส่วนของผู้ได้รับบาดเจ็บไม่ติดใจจะดำเนินคดี รวมถึงผู้ที่อาจเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์คืนวันที่ 4 มีนาคม ส่วนด้ายนายแชทป์ ได้มีการช่วยเรื่องค่ารักษาพยาบาล 10,000 บาท ให้ผู้บาดเจ็บ โดยความเห็นแพทย์เบื้องต้น ผู้เสียหายต้องรักษาตัว 14 วัน ซึ่งผู้เสียหายได้รับบาดเจ็บบริเวณใบหน้าและลำตัว

Mr. JAYMAR TIMWAT หรือ ไอวี่ ผู้เสียหายชาวฟิลิปปินส์ กล่าวว่า อยากจบปัญหาทุกอย่าง และอยสดมีความสัมพันธ์เป็นเพื่อนกันจะดีกว่า ยืนยันว่า ในคืนเกินตนไม่ได้รู้สึกโกรธ แต่แค่ตกใจกับเหตุกาที่เกิดขึ้น โดยหละงจาดนี้จะเดินทางกลับประเทศฟิลิปินส์ทันที และยังไม่มีแพลนจะเดินทางกลับมาเที่ยวที่ประเทศไทย

ส่วน นายแชมป์ กล่าว ขอบคุณผู้เสียหาย ที่ยอมไกล่เกลี่ยทำให้ตนไม่มีคดีความ เป็นการจบลงด้วยดี ทำให้ความสัมพันธ์ต่างๆ เป็นไปในทางที่ดีขึ้น และตนได้ชดใช้ค่าเยียวยาให้ผู้เสียหายเป็นจำนวน 10,000 บาท โดยที่ผู้เสียหายไม่ได้เรียกร้อง ซึ่งเป็นสิ่งที่ตนตั้งใจที่จะให้เอง / เบื้องต้นได้ขอโทษผู้เสียหาย เพราะสิ่งที่ทำเป็นคือความรุนแรง และตอนนั้นทำลงไปด้วยอารมณ์ แต่พอมาคุยกันแล้วความรุนแรงไม่ใช่ทางออกที่ดีเสมอไปไม่ได้สนับสนุนให้เกิดการใช้ความรุนแรง ก่อนจะทิ้งท้ายว่า “ยินดีต้อนรับสู่ประเทศไทย”

ส่วนผู้ต้องหาชาวฟิลิปินส์ 2 คนที่นำตัวส่งฟ้องศาลนั้น ตอนนี้ศาลได้ทำการปรับคนละ 5,000 บาท ก่อนที่จะส่งตัวให้กับทาง ตม. เพื่อที่จะผลักดันออกนอกประเทศ

ส่วนกรณีกระเทยฟิลิปที่ก่อเหตุรุมทำร้ายกระเทยไทย ส่วนที่เหลือนั้น ตอนนี้พิสูจน์ทราบได้ 1 คน อยู่ระหว่างเตรียมหมายจับ และต้องมีการขยายผลเพื่อพิสูจน์ทราบตัวบุคคลเพิ่มเติมว่ามีใครมีส่วนของการกระทำความผิดบ้าง

หลังจากนั้น ทางในแชมป์ได้มีการมอบเงินเยียวยาค่ารักษาพยาบาลจำนวน 10,000 บาทให้กับผู้ เสียหายก็จะมีการจับมือและโอบกอดกัน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ศาลแขวงพระนครใต้  ถ.เจริญกรุง พนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีศาลแขวง 4 ได้เป็นโจทก์ยื่นฟ้องด้วยวาจา นายจอห์น ริช มิรันด้า (MR.JOHN RICH MIRANDA) และ นายคริสเตียน คัลมา คัสโตร (MR.CHRISTIAN CASTRO) สาวสองสัญชาติฟิลิปปินส์เป็นจำเลยในความผิดฐานร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ
    
โดยอัยการโจทก์ระบุฟ้องพฤติการณ์ความผิดสรุปว่าเมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2567 เวลากลางคืนก่อนเที่ยง จำเลยทั้งสองได้ร่วมกับพวกอีกหลายคนซึ่งหลบหนียังไม่ได้ตัวมาฟ้อง ได้ร่วมกันรุมทำร้ายโดยใช้กำลังประทุษร้าย ผู้เสียหายทั้งหก โดยใช้มือดึงศรีษะ และใช้กำปั้นชกต่อยกลุ่มผู้เสียหาย ที่บริเวณใบหน้ำ ลำตัวอย่างแรง จำนวนหลายครั้ง เป็นเหตุให้ผู้เสียหายทั้งหมดได้รับบาดเจ็บ มีบาดแผลฟกช้ำ เเผลถลอก บริเวณที่ต่างๆ  เหตุเกิดที่ ซ.สุขุมวิท 11  แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร
โดยในชั้นสอบสวนจำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพ ศาลรับฟ้องเป็นคดีหมายเลขดำที่ อ 470/2567

โดยก่อนเริ่มพิจารณา ศาลสอบถามแล้วจำเลยทั้งสองพูดและฟังภาษาไทยไม่ได้ แต่สามารถสื่อสารเป็นภาษาอังกฤษได้  ศาลจึงดำเนินกระบวนพิจารณาผ่าน ล่ามแปลภาษาซึ่งสาบาน
ตนแล้ว ศาลสอบถามจำเลยทั้งสองเรื่องทนายความ จำเลยทั้งสองไม่มีและไม่ต้องการทนายความ

ศาลจึงอ่านอธิบายฟ้องให้จำเลยทั้งสองฟังและได้ดำเนินกระบวนการคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพหน้าที่ตามกฎหมาย ตลอดจนแนวทางในการบรรเทาความเสียหายแก่ผู้เสียหาย จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพโดยดี
    
ศาลจึงพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 ลงโทษปรับคนละ 10,000บาท จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงปรับจำเลยคนละ 5,000 บาท.





คำที่เกี่ยวข้อง : #กะเทย  









©2018 CK News. All rights reserved.