"บิ๊กเต่า" จ่อจับเพิ่ม 2 ตัวการแก๊ง"ศรีสุวรรณ"รีดทรัพย์  อธ.กรมข้าว


31 ม.ค. 2567, 17:37

"บิ๊กเต่า" จ่อจับเพิ่ม 2 ตัวการแก๊ง"ศรีสุวรรณ"รีดทรัพย์  อธ.กรมข้าว




วันที่ 31 ม.ค.2567 พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เปิดเผยความคืบหน้าคดีแก๊งข่มขู่รีดทรัพย์ อธิบดีกรมการข้าว  ว่า อยู่ระหว่างขั้นตอนของพนักงานสอบสวนในการเชิญ "นายหมู" มาให้ปากคำในฐานะพยาน ทั้งการทำหนังสือเชิญ และการพูดคุยกันนอกรอบ  ซึ่งเชื่อว่าเจ้าตัวจะเดินทางมาพบพนักงานสอบสวนแน่นอน  แต่ยังไม่สามารถระบุวัน เวลา ได้ อยู่ระหว่างการดำเนินการ และไม่เพียงแต่นายหมู  แต่พนักงานสอบสวนจะเชิญอักษรย่อทุกคนมาสอบปากคำทั้งหมด แต่ในวันนี้ได้เชิญพยานที่เกี่ยวข้องกับคดีมาสอบปากคำหลายปาก  หนึ่งในนั้นเป็นผู้เสียหายที่ถูกแก๊งของนายศรีสุวรรณ รีดทรัพย์ลักษณะคล้ายๆ กัน ซึ่งผู้เสียหายจะแจ้งความดำเนินคดีกับแก๊งดังกล่าวหรือไม่  ยังไม่แน่ชัด ส่วนข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ตัวย่อ ท. ที่มีข่าวว่าตกเป็นเหยื่อของขบวนการนายศรีสุวรรณเช่นกัน พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างการประสานเข้าให้ข้อมูลเช่นกัน

นอกจากนี้ พนักงานสอบสวนยังเตรียมออกหมายจับผู้ร่วมขบวนการของนายศรีสุวรรณเพิ่มเติมอีกไม่น้อยกว่า 2 คน ภายในวันศุกร์นี้ ซึ่งเป็นตัวการที่ตำรวจต้องการตัวมาก และเป็นบุคคลที่มีความสำคัญในคดี แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ว่าเป็นบุคคลใด ส่วนนางสาวพิมณัฏฐา หรือ ตูน อดีตผู้สมัคร ส.ส.จังหวัดอุตรดิตถ์ พรรครวมไทยสร้างชาติ จะถูกแจ้งข้อหาเพิ่มเติมในข้อหาเป็นเจ้าพนักงานเรียกรับผลประโยชน์ฯ หลังพบว่ามีการแต่งตั้งนางสาวพิมณัฏฐา เป็นคณะทำงานเขตตรวจราชการที่ 11 ของรองนายกรัฐมนตรี  ก่อนที่จะถูกยกเลิกในวันที่มีการจับกุม  ดังนั้นจะทำให้นางสาวพิมณัฏฐา เป็นผู้ต้องหาสายเดียวกับเจ๋ง ดอกจิก

ส่วนกรณีที่มีการนำเสนอข่าวไปว่า เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2566  นายหมูได้พาอธิบดีกรมการข้าว และภรรยาไปเจรจากับนายศรีสุวรรณที่บ้าน และมีการจ่ายเงิน 6 หลัก  ให้กับนายศรีสุวรรณนั้น พลตำรวจตรีจรูญเกียรติ ยืนยันว่าเป็นข้อมูลที่คลาดเคลื่อน  และวันดังกล่าวเป็นเพียงการเจรจาขอให้ยุติการร้องเรียน  ไม่มีการพูดคุยเรื่องผลประโยชน์หรือจ่ายเงินแต่อย่างใด โดยการจ่ายเงิน 6 หลักนั้น เกิดขึ้นหลังจากที่นายศรีสุวรรณ ลาสึกจากการบวชเป็นพระ  แต่ในระหว่างบวชก็มีการเจรจามาโดยตลอด  ดังนั้นหลังจากนี้จะเชิญ นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม และนายดนุเดช ศิริวงษ์ตระกุล ที่ปรึกษากฎหมายของอธิบดีกรมการข้าว  มาทำความเข้าใจข้อมูลที่คลาดเคลื่อนไป

ทั้งนี้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ยืนยันว่าพนักงานสอบสวน บก.ปปป.จะดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายทุกอย่างแน่นอน จะยึดตามพยานหลักฐานที่เกิดขึ้นจริง ไม่ได้กลั่นแกล้งรังแกใคร ไม่มีใต้ดินใดๆ ตอนนี้ข้อเท็จจริงกำลังเปิดเผยข้อมูลของบุคคล ออกมา ว่าทำไมขบวนการนี้ถึงได้รู้ข้อมูลวงในของหน่วยงานรัฐ     แก๊งดังกล่าวไม่ใช่การร้องเรียนเพื่อให้ประเทศชาติดีขึ้น   ดังนั้นต้องปล่อยให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการ ยืนยันคดีนี้หากหลักฐานไม่พอ จนมั่นใจขนาดนี้ ตำรวจ บก.ปปป. ก็คงไม่กล้ารบกับยักษ์ขนาดนี้  ซึ่งมีทั้งพ่อยักษ์ และลูกยักษ์ ถ้าใครคิดว่าอยู่เหนือกฎหมายก็ลองดู

ส่วนการที่ถูกนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี  ติงการปฏิบัติหน้าที่ในวันที่ตำรวจ บก.ปปป. เข้าจับกุมตัวเจ๋ง ดอกจิก และนางสาวพิมณัฏฐา  ที่ทำเนียบรัฐบาล  ใช้เพียงตำรวจยศ พันตำรวจเอกในการจับกุม  ถือว่าไม่ให้เกียรติสถานที่ ต่างจากที่จับกุมนายศรีสุวรรณ ที่พลตำรวจตรีจรูญเกียรติ ไปจับกุมเอง นั้น พลตำรวจตรีจรูญเกียรติยืนยันว่าตามกฎหมาย ตำรวจทุกคนมีอำนาจตามกำหมายรัฐธรรมนูญสามารถจับกุมได้เท่าเทียมกัน  เป็นการกระจายปฏิบัติงานตามหน้าที่  และตามขั้นตอนจะต้องจับกุมนายศรีสุวรรณ  ที่เป็นตัวการใหญ่สุดก่อน  จากนั้นจึงจะจับกุมบุคคลที่เหลือ ซึ่งเมื่อจับกุมนายศรีสุวรรณได้แล้ว ตำรวจก็ได้ประสานไปยังผู้ใหญ่ในทำเนียบเพื่อขอเข้าจับกุมอย่างเงียบๆ แล้ว  และไม่ได้เป็นการไม่ให้เกียรติสถานที่ ตำรวจทุกนายมีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์เท่าเทียมกัน  ไม่ได้ขึ้นอยู่กับยศ แต่ขึ้นอยู่กับกฎหมาย พร้อมขอวิงวอนให้นายพีระพันธุ์ให้รีบส่งหนังสือยกเลิกการแต่งตั้งเจ๋ง ดอกจิก และนางสาวพิมณัฏฐา  เป็นเจ้าหน้าที่รัฐมาให้เจ้าหน้าที่ด้วย  เพื่อที่เจ้าหน้าที่จะได้ดำเนินการต่อ  และอยากให้นายพีระพันธุ์ เข้าใจการทำงานของเจ้าหน้าที่





คำที่เกี่ยวข้อง : #อธิบดีกรมการข้าว  









©2018 CK News. All rights reserved.