ชาวบ้าน จ.อุทัยธานี ร้องสื่อเจอขโมย ชั่วโมงเดียว 3 บ้านรวดได้ทรัพย์-เงินสดกว่าา 1 แสนบาท 


20 ธ.ค. 2566, 17:12

 ชาวบ้าน จ.อุทัยธานี ร้องสื่อเจอขโมย ชั่วโมงเดียว 3 บ้านรวดได้ทรัพย์-เงินสดกว่าา 1 แสนบาท 




 

ที่จังหวัดอุทัยธานี  ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้าน 3 ราย ว่าเมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2566 ที่ผ่านมาได้ถูกขโมยย่องเข้าบ้านซึ่งคาดว่าเป็นคนเดียวกันก่อเหตุภายใน 1 ชั่วโมง กวาดทรัพย์สินรวมแล้วกว่า 1 แสนบาทก่อนที่จะขี่รถมอเตอร์ไซคหนีลอยนวลไป นายสำรวย ทองอร่าม อายุ 71 ปีเลขที่ 97 บ้านหนองม่วง หมู่ที่11 ตำบลน้ำรอบ อำเภอลานสัก จังหวัดอุทัยธานี ซึ่งประกอบอาชีพทำไร่มันสำปะหลังกว่า 200 ไร่และมีลานตากมันเป็นของตัวเองอยู่ที่หน้าบ้าน เปิดเผยถึงเรื่องราวเมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2566 เวลาประมาณ 08.34 น.ได้เข้าไปในไร่เพื่อไปปลูกมันส่วนภรรยาและครอบครัวนั้นไปงานบวชนาคที่ อำเภอพยุหะคีรี จังหวัดนครสวรรค์ พอหลังจากที่กลับมาจากปลูกมันเสร็จ ก็เข้ามาบ้านก็ต้องตกใจพบว่ามีรอยล้อรถมอเตอร์ไซค์เป็นทางเข้ามาทางหลังบ้านและมีรอยเท้าทิ้งไว้ด้วยประตูเข้าหลังบ้านและมีร่องรอยการงัดโดยกุญแจที่ล็อคประตูไว้ ถูกงัดออกจึงได้รีบเข้าไปในบ้านเพื่อตรวจดูว่ามีอะไรหายไปพบว่าในห้องนอนของตัวเองนั้นถูกค้นหรือรื้อจนข้าวของที่นอนกระจัดกระจายไปหมด พบว่าแหวนทองที่มีหัวเป็นพลอยหายไป 2 วงมูลค่าประมาณ กว่า 2 หมื่นบาท  บาท จากตลับที่ใส่ไว้ที่หัวเตียงหายไปและเงินสดที่กำลังเตรียมไว้ซื้อผานรถไถอีก 7 หมื่นบาท  และมีธนบัตรเก่าที่สะสมไว้เเป็นแบงค์ 500 แบงค์ 100 ใส่ไว้ในกระป๋องอยู่รวมกันอีกกว่า 3 พัน บาท หายไป รวมมูลค่าเกือบ 1 แสน  บาท แต่ก็ต้องแปลกใจที่ขโมยไม่ได้เอาสร้อยคองาช้างพร้อมพระเลี่ยมทองไปด้วย ซึ่งคาดว่าขโมยนั้นจะไม่เห็นหรือไม่รู้ว่าเป็นของมีค่าหรือไม่ก็รีบร้อน พอหลังจากที่รู้ว่าบ้านของตัวเองนั้นถูกขโมยของแล้วจึงโทรไปหาภรรยาที่อยู่งานบวชว่าถูกขโมยลักของจากนั้นก็รีบโทรหาเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อแจ้งความดำเนินคดีไว้

ขณะเดียวกับบ้านของนางสาวสุกัญญา แม้นพยัคฆ์ อายุ 34 ปี บ้านเลขที่107หมู่ที่ 11 บ้านน้ำรอบ อำเภอลานสัก จังหวัดอุทัยธานี ซึ่งห่างจากบ้านของนายสำรวยที่ถูกขโมยย่องเบารายแรกประมาณ 2 กิโลเมตร ก็ได้ร้องเรียนกับผู้สื่อข่าวเช่นกันว่าวันเดียวกันกับบ้านนายสำรวย เวลาประมาณ 09.00 น.มีขโมยนั้นขับขี่รถมอเตรอ์ไซค์เข้ามาถึงหน้าบ้านจากนั้นจนกล้องวงจรปิดที่ติดไว้นั้นจับภาพได้ขโมยนั้นใส่หมกกันน็อคสีดำปกปิดใบหน้าสวมเสื้อสีน้ำเงินแขนยาวขี่รถมอเอตร์ไซค์สีฟ้าไม่ทราบรุ่นและทะเบียน เพราะกล้องวงจรปิดจับภาพได้แต่ด้านหน้า ย่องมาทางหลังบ้านทิ้งรอยเท้าไว้แล้วก็งัดหน้าต่างเข้าไปในห้องนอนก็ได้รื้อกระเป๋าของแม่นำเงินออกไปประมาณ 700 กว่าบาท และของห้องนางสาวสุกัญญาไปอีก 200 กว่าบาท และได้คว้าโทรศัพท์มือถือยี่ห้อออปโป้ มูลค่า 9,900 บาทไปอีกหนึ่งเครื่องด้วย

เช่นเดียวกับบ้านของนางสาวสุณีย์ แม้นพยัคฆ์ อายุ 42 ปี บ้านเลขที่ 334 หมู่ที่ 15 ตำบลตลุกดู่ อำเภอทัพทัน จังหวัดอุทัยธานี เป็นหมู่บ้านติดต่อกันอยู่ในท้องที่สอบสวนของสภ.ลานสัก  ซึ่งเป็นพี่สาวของนางสาวสุกัญญา ก็เปิดเผยว่าได้ไปงานศพที่กำแพงเพชรเช่นกันกับครอบครัวจึงได้ปิดบ้านไว้พอกลับมาจากงานก็พบว่ามีร่องรอยคนเข้าไปในบ้านซึ่งเดินผ่านทางรั้วบ้านและเข้าประตูไปซึ่งประตูทางนั้นไม่ได้ใส่กุญแจไว้เพราะเป็นว่าบ้านของตัวเองมีรั้วกั้นไว้อย่างแน่นหนาคงไม่มีใครกล้าจะเข้ามาแถมหน้าบ้านยังมีกล้องวงจรปิดติดไว้เพื่อป้องกัน อีกด้วย แต่ก็ไม่พ้นโจรย่องเบา คาดว่าเป็นคนเดียวกันที่เข้าบ้านผู้เสียหายอีก 2 ราย ได้เข้าไปในบ้านทำการนำเงินเหรียญ 5 บาท และเหรียญ 10 บาท ที่ทางนางสาวสุณีย์นั้นนำออกมาเพื่อเก็บไว้จากตู้หยอดเหรียญเติมเงินโทรศัพท์ เพราะหน้าบ้านนั้นเปิดเป็นร้านขายของประจำอยู่บ้าน โดยรวมแล้วจำนวนกว่า  4 พันบาทที่ขโมยเอาไป โดยทั้ง 3 คน ผู้เสียหายนั้นเอ่ยปากเป็นเสียงเดียวกันว่าคนร้ายเป็นคนเดียวกันอย่างแน่นอนซึ่งหลักฐานก็คือบุคคลในหกล้องวงจรปิดนั่น และมีข้อสงสัยว่าหัวขโมยตีนแมวรายนี้ที่เข้ามาย่องเบานั้นรู้ความเคลื่อนไหวของแต่ละบ้านที่เข้าไปขโมยของได้อย่างไรว่าไม่มีคนอยู่บ้าน จึงตั้งข้อสงสัยว่าน่าจะมีคนในหมู่บ้านเป็นคนชี้เป้าให้กับขโมยก็อาจเป็นไปได้ ซึ่งมูลค่าที่ขโมยนั้นได้เข้าไปงัดบ้านทั้ง 3 หลังรวมแล้ว กว่า 1 แสนบาทซึ่งชาวบ้านระแวกนั้นยังหวั่นว่าขโมยคนดังกล่าวจะเข้ามาก่อเหตุซ้ำอีก เนื่องจากเมื่อวานนี้เองยังพบว่ามีคนลักษณะเดียวกันเข้ามาวนเวียนในหมู่บ้านแล้วก็หายตัวไป ซึ่งพยายามไล่ตามหาแต่ก็ไม่พบ จึงได้ร้องสื่อมวลชนให้นำเสนอข่าวให้เพื่อให้ทางเข้าหน้าที่ตำรวจนั้นเร่งหาตัวคนร้าย

ทางด้าน พ.ต.ท.สันติ ทองเชื้อรองผู้กำกับการสอบสวน สถานีตำรวจภูธรลานสัก ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่าทางเจ้าหน้าที่นั้นไม่ได้นิ่งนอนใจได้ส่งชุดสืบสวนลงพื้นที่ทุกวันแต่ด้วยหลักฐานคือภาพในกล้องวงจรปิดนั้นคนร้ายนั้นสวมใส่หมวกกันน๊อคจึงเห็นหน้าไม่ชัดเจนและเลขทะเบียนรถมอเตอร์ไซค์ที่ใช้ก่อเหตุนั้นไม่เห็นชัดเจนเพราะจับได้แต่ด้านหน้าจึงต้องสืบหาต่อไปและขอให้ทางเจ้าทุกข์ทั้ง 3 รายนั้นวางใจได้จะเร่งดำเนินการตามล่าหาขโมยที่ลงมือได้อย่างแน่นอน














©2018 CK News. All rights reserved.