เมื่อเวลา 15.00 ของวันที่ 14 ธันวาคม 2566 นายนครินทร์ กองทุน นายก อบต.ไผ่ พร้อมด้วยนายธีระยุทธ สมตน ที่ปรึกษาฝ่ายอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายสุพักต์ ไผ่แก้ว กำนันตำบลไผ่ นายสนองชนะทอง รองนายก อบต.ไผ่ นายเชื่อม เชิดชาย ผู้ใหญ่บ้าน สี่เหลี่ยม ม.6 ปลัดอำเภอผู้เป็นตัวแทนนายอำเภอรัตนบุรี และแกนนำชุมชนส่วนหนึ่ง ได้ร่วมประชุมเพื่อหาข้อเท็จจริงกรณีที่ พระหัสฬาร ปสันโน เจ้าสำนักสงฆ์วิริยะวนาราม ตั้งอยู่ในพื้นที่ ม.6 ต.ไผ่ อ.รัตนบุรี จ.สุรินทร์ ได้ร้องต่อสื่อมวลชน ให้เข้ามาตรวจสอบกรณีที่ศาลาหลังหนึ่งที่สร้างอยู่ภายในพื้นที่ป่าช้าบ้านสี่เหลี่ยมซึ่งเป็นสถานที่ตั้งสำนักสงฆ์หลังเก่าของพระหัสฬาร ปสันโน
โดยนายก อบต.ไผ่ได้ทำหน้าที่ประธานดำเนินการประชุม ว่ากรณีสำนักสงฆ์ที่สร้างอยู่ในพื้นที่ป่าช้าทางคณะกรรมกาพิจารณาข้อพิพาทได้ นิมนต์ท่านออกจากพื้นทีไปแล้ว ตามบันทึกข้อตกลงที่ได้ทำไว้เมื่อวันที่ 11 ก.พ. 2565 ที่ผ่านมา โดยพระคุณเจ้าก็ยินยอมและออกจากพื้นที่ไปด้วยดี พร้อมรื้อวัสดุสิ่งของไปส่วนหนึ่ง แต่ยังมีสิ่งปลูกสร้างที่เป็นโครงสร้างแข็งแรงเกินกว่าแรงพระคุณเจ้าจะขนย้ายไปได้ตามกำหนดเวลาได้ มติทีประชุมจึงให้คงไว้เป็นอนุสรณ์แก่ชุมชน ซึ่งการเข้ามารื้อถอนนายก อบต.ก็ไม่ได้มีส่วนรู้เห็น จึงต้องเรียนเชิญคณะพร้อมผู้ใหญ่บ้านมาให้ข้อมูล
ด้านนายเชื่อม เชิดชาย ผู้ใหญ่บ้านกล่าวว่าตนเป็นคนสั่งให้มีการรื้อหลังคาโครงสร้างดังกล่าว เพราะเห็นว่าสถานที่ดังกล่าวกลายเป็นแหล่งมั่วสุมของวัยรุ่น เกรงจะกลายเป็นสถานที่เสี่ยงและไม่ปลอดภัยต่อไป จึงได้ทำการประชาคมชาวบ้าน มติที่ประชุมให้มีการรื้อถอนจึงได้ประมูลให้มีการรื้อถอนในราค 1 หมื่นบาท ส่วนเงินที่ได้ก็นำเข้าบำรุงกองทุนหมู่บ้าน ทั้งนี้นายเชื่อม เชิดชายได้แสดงหลักฐานการประชาชมให้ที่ประชุมได้เห็นด้วย โดยการดำเนินงานทั้งหมดตนและผู้นำก็ไม่ได้ไปกราบเรียนให้ท่าน ในขณะช่วงนั้นท่านก็นอนรักษาตัวที รพ.สุรินทร์ด้วย
ด้านนายธีระยุทธ สมตน ที่ปรึกษา นายก อบต.ไผ่ ฝ่ายอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้กล่าวในที่ประชุมว่า เรื่องดังกล่าวคงมาจากความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนกัน เพราะผู้ใหญ่บ้านก็ไม่ได้นำเรื่องการรื้อถอนนำเรียนพระคุณเจ้าท่านมาก่อน แม้นท่านจะไม่ยึดติดกับสิ่งปลูกสร้างนี้ก็ตาม แต่เชื่อว่าท่านก็มีจิตใจ มีความคิดที่น้อยใจเหมือนกับประชาชนทั่วไป เราควรจะไปกราบเรียนให้พระคุณเจ้าท่านทราบเพื่อปรับความเข้าใจ และขอขมาท่านโดยเร็วซึ่งในเวลาต่อมานายนครินทร์ กองทุน นายก อบต.ไผ่ นายธีระยุทธ สมตน ที่ปรึกษาฝ่ายอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้นำนายเชื่อม เชิดชาย พร้อมคณะผู้นำชุมชนเดินทางไปยังสำนักสงฆ์อริยะวนาราม เพื่อกราบเรียนเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้ท่านทราบ พร้อมมอบกระเช้าและกราบขอขมาที่ทำไปโดยพละกาลไม่ได้บอกกล่าว
ด้านพระหัสฬาร ปสันโน เจ้าสำนักสงฆ์วิริยะวนาราม ซึ่งยังอยูในอาการที่ป่วย ได้กล่าวว่าเรื่องดังกล่าวตนก็ไม่ได้มีอคติกับใครทั้งสิ้น ตนเพียงต้องการรู้ว่าใครเป็นคนมารื้อหลังคาศาลา รื้อไปทำอะไรที่ไหน หรือมีการขายซาก หากขายแล้วเอาเงินไปไหน แม้นศาลาจะไม่ใช่ของอาตมาแล้วก็ตามแต่ต้องการทราบที่มาที่ไป ที่ผ่านมาสอบถามเรื่องราวกับใครก็ไม่มีใครให้คำตอบได้ จึงต้องร้องเรียนต่อสื่อมวลชน วันนี้ถือว่าได้รับคำตอบที่ชัดเจน อาตมาก็สบายใจ หากมีการมาบอกล่าวเช่นนี้ตนก็คงไม่ไปร้องสื่อมวลชนให้ตรวจสอบเป็นเรื่องเป็นราวหรอก ตนพร้อมอภัยและอโหสิกรรม ไม่ติดใจเอาความ
ด้านนายนครินทร์ กองทุน กล่าวเพิ่มเติมว่า เรื่องนี้ให้ถือเป็นบทเรียนของผู้นำชุมชนทำงานจะฉลาดอย่างเดียวไม่พอต้องเฉลี่ยวด้วย งานในชุมชนในหมู่บ้านเป็นเรื่องของผู้นำที่ต้องร่วมกันดูและแก้ปัญหา ครั้งนี้ถือว่าเป็นบทเรียนราคาแพง เพราะเห็นว่าข่าวบางสำนักได้นำเสนอเรื่องราวที่เกินความจริง จึงขอฝากนักข่าวในพื้นที่ช่วยเผยแพร่ข่าวที่เป็นจริงให้สังคมได้รับทราบที่ตรงกัน สำหรับในส่วนของ อบต.ไผ่ จะได้รายงานให้นายอำเภอรัตนบุรี ให้ทราบต่อไป นายนครินทร์กล่าว
©2018 CK News. All rights reserved.