วันที่ 1 พ.ย. 2566 พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รักษาราชการแทนเลขาธิการ ป.ป.ส. เปิดเผยถึงกรณีที่ กระทรวงสาธารณสุข เตรียมประกาศกฎกระทรวงให้จัดเกณฑ์ผู้ครอบครองเมทแอมเฟตามีน(ยาบ้า) 10 หน่วย หรือ 10 เม็ดให้อยู่ในสถานะ ผู้เสพสารเสพติดไม่ใช่ผู้ค้า
พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ กล่าวว่า สำหรับประมวลกฎหมายอาญา ปี 2564 เป็นกฎหมายที่ใช้การสาธารณสุขนำการปราบปราม ซึ่งประมวลกฎหมายฉบับนี้ มองผู้เสพเป็นเหยื่อ เป็นผู้ป่วยที่ต้องเข้ากระบวนการคัดกรอง เข้าสู่การฟื้นฟูไม่ได้มุ่งเน้นที่การดำเนินคดีเพียงอย่างเดียว ผู้เสพต้องได้รับการรักษาให้มีงานทำ มีชีวิตที่ดีขึ้น
ส่วนประเด็น ที่กระทรวงสาธารณสุข เสนอเกณฑ์การครอบครองยาบ้า 10 เม็ดนั้น ในที่ประชุมมีการเสนอเอกสารทางวิชาการของคณะแพทย์ที่ระบุว่า การครอบครองเพียง 10 เม็ด ให้จัดเป็นผู้เสพ เนื่องจากตามปกติแล้ว ผู้เสพยาบ้าจะใช้ยาอยู่ที่ 1-3 เม็ด ซึ่งปริมาณที่ต่ำกว่า 5 เม็ด ผลที่เกิดขึ้นคือ จะทำให้ผู้เสพมีอารมณ์ที่ดี สดชื่น มีแรงในการทำงานหนัก แต่ถ้าหากเสพเกินกว่า 5 เม็ดไปจนถึง 10 เม็ดผู้เสพจะมีอาการกระสับกระส่าย ไม่สามารถควบคุมตนเองได้
ซึ่งกรณีที่มีการเสพมากกว่า 10 เม็ด จะมีผลถึงขั้นเสียชีวิต ฉะนั้นเมื่ออ้างอิงจากเอกสารดังกล่าวแล้ว จึงมีความเห็นว่า ผู้เสพน่าจะมีการใช้งานอยู่ที่ 10 เม็ดไม่เกินนี้
แต่ทั้งนี้ในมุมมองของผู้บังคับใช้กฎหมาย ซึ่งตนเองที่เคยเป็นตำรวจมาก่อน มองว่าการจัดเกณฑ์ครอบครองเพื่อเสพ 10 เม็ดโทษที่ตามมาคือ จะทำให้เกิดผู้ค้ารายย่อยมากขึ้น เพราะในการค้า แต่ละครั้งผู้ค้ารายย่อย จะไม่เกรงกลัวต่อการพกพายาบ้า เพราะสามารถพกได้ถึง 10 เม็ด ก็ไม่ถือว่าได้รับโทษค้า
พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ กล่าวต่อว่า ตนในฐานะ เลขาธิการฯป.ป.ส. มีหน้าที่ที่จะต้องบูรณาการการบำบัดฟื้นฟู คู่กับการบังคับใช้กฎหมายส่วนตัวได้มีข้อเสนอว่าเกณฑ์การครอบครองควรจะอยู่ที่ 5 เม็ด ซึ่งเป็นเกณฑ์ที่ทาง ตำรวจ ผู้ปฏิบัติงานยึดหลักนี้มาตลอด เพราะมองว่า การครอบครองเกินกว่า 5 เม็ด ก็จะถูกลงโทษเป็นผู้ค้า
ฉะนั้นผู้ค้ารายย่อยเอง ก็จะมองว่า ไม่คุ้มกับการที่พกพา 5 เม็ดแล้วถูกจับโทษหนัก ที่ผ่านมา จากรายงานการจับกุมผู้ใช้สารเสพติด 100 คน จะแบ่งเป็นผู้ค้า จำนวน 12.5 คน
ดังนั้นหากมีการปรับเกณฑ์การถือครองได้มากขึ้น จึงเป็นความเสี่ยงต่อการจะเพิ่มจำนวนผู้ค้ารายย่อย ทั้งนี้ตนขอยืนยันว่า ส่วนตัวได้พิจารณาเกณฑ์ จำนวน ยาบ้า 5 เม็ด จากหลายองค์ประกอบ ทั้งฝั่งของวิชาการการแพทย์ผู้บังคับใช้กฎหมาย และอนาคตที่จะต้องบูรณาการทุกฝ่าย
พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ กล่าวต่อว่า ที่ประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานวานนี้ ที่นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการเร่งด่วน หรือ quick win ให้คณะกรรมการป้องกันและปราบรามยาเสพติด เร่งดำเนินการนำผู้ใช้ยาเสพติดเข้าสู่กระบวนการบำบัด
สำหรับการบำบัดนั้น จากข้อมูลที่พบว่า ปัจจุบันมีผู้ใช้ยาเสพติดทั่วประเทศ ประมาณ 530,000 คน ในจำนวนนี้ มีผู้เสพที่มีอาการทางจิตเวช และอาจใช้ก่อเหตุความรุนแรง 32,623 คน แบ่งเป็น กลุ่มเฝ้าระวัง สูงสุด 1,963 คน กลุ่มเฝ้าระวังสูง 5,024 คน และกลุ่มเฝ้าระวังทั่วไป 25,636 คน
โดยจะนำคนกลุ่มนี้เข้าสู่กระบวนการบำบัดก่อน เพื่อลดเงื่อนไขความเสี่ยงที่อาจเกิดเหตุรุนแรงกับประชาชน โดยให้ทุกจังหวัดกำหนดวิธีการนำบุคคลเข้าสู่การระบบบำบัดรักษาของกระทรวงสาธารณสุข และสร้างความพร้อมให้กับชุมชนมีความเข้มแข็ง สามารถร่วมกับภาครัฐ ดูแล และเฝ้าระวังเหตุต่างๆได้
เช่นเดียวกับ “หัวโทนโมเดล” ที่ชุมชนมีความเข้มแข็งสามารถป้องกัน และแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่ได้อย่างเห็นผล โดยนโยบายดังกล่าวจะเริ่มดำเนินการในวันที่ 1 ธันวาคมนี้ จากนั้นในเดือนกุมภาพันธ์ จะดำเนินนโนบาย “1 โรงพัก 1 ตำบล” ให้ร่วมแก้ไขปัญหายาเสพติดระดับชุมชนด้วย
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังได้ประกาศ กำหนดพื้นที่เร่งด่วน เพื่อควบคุมการลักลอบนำเข้ายาบ้าเข้าสู่ประเทศไทย ประกอบด้วย พื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ 5 อำเภอ จังหวัดเชียงราย 6 อำเภอ และจังหวัดนครพนม 4 อำเภอ โดยหน่วยงานความมั่นคง ทั้งทางทหาร ตำรวจ จะร่วมกันบูรณาการ เพื่อให้การดูแลป้องกันลักลอบลำเลียงยาเสพติดเข้าประเทศ และจะได้ประสานกับหน่วยงานความมั่นคงในประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อให้ช่วยประสานข้อมูล และจับตาความเคลื่อนไหวต่าง ๆ ด้วย
©2018 CK News. All rights reserved.