"ผบ.ตร." เผยโอนคดีกำนันนก ให้กองปราบ เกี่ยวกับผู้มีอิทธิพล


18 ก.ย. 2566, 20:24

"ผบ.ตร." เผยโอนคดีกำนันนก ให้กองปราบ เกี่ยวกับผู้มีอิทธิพล




วันที่ 18 ก.ย.2566 พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร.เปิดเผยกรณีการโอนคดี พ.ต.ต.ศิวกร สายบัว หรือ สารวัตรแบงก์ ไปให้ทางกองปราบปรามเป็นผู้ทำคดี ว่าในคดีนี้จุดเริ่มต้นคือการที่นายธนัญชัย หมั่นมาก หรือ หน่อง เป็นคนยิงสารวัตรแบงก์ จากนั้นทางกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค7 ได้มีการรวบรวมพยานหลักฐานจนออกหมายจับ ทั้งนายประวีณ จันทร์คล้าย หรือกำนันนก และ นายหน่อง มือปืน จนต่อมาก็มีการวิสามัญมือปืนที่ก่อเหตุ ซึ่งทางกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ได้มีการเสนอมายังตนว่าในคดีดังกล่าว เป็นคดีที่เกี่ยวเนื่องกับผู้มีอิทธิพลและเป็นคดีสำคัญ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมและรอบคอบในการทำคดี เพราะเมื่อใดที่ในพื้นที่นั้นมีคดีเกี่ยวกับผู้มีอิทธิพล ก็จะไม่ได้รับความไว้ใจในกระบวนการยุติธรรม ตนก็เห็นชอบที่จะให้มีการโอนคดีมาที่กองปราบปราม

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ ระบุอีกว่า นอกจากนี้ในการทำคดีของกองปราบปราม จะมีทั้งในส่วนของหมายจับกำนันนก และ นายหน่องแล้ว ทางพนักงานสอบสวนของกองปรามปราม ก็พิจารณาแล้วว่ามีคนงานในบ้านกำนันนก ช่วยเหลือ และทำลายหลักฐานในวันเกิดเหตุ ซึ่งถือว่าเป็นความผิดและดำเนินคดีอาญาไปแล้ว ต่อมา สำนวน ที่ บช.ภ.7 มีการสอบสวนพบว่า มีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดี 6 คน ในข้อหา "ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่" ตามมาตรา 157 ในคดีนี้เจ้าหน้าที่ยังไม่ได้รับการประกันตัว ทาง บช.ภ.7 เห็นว่าในคดีนี้เป็นคดีเดียวกัน จึงได้มีการเสนอมาทาง ผบ.ตร.เพื่อขอโอนสำนวนคดีมาให้ทางกองปราบปรามทำคดี เมื่อวันที่ 13 กันยายน ซึ่งตนก็เห็นชอบในการขอโอนสำนวน จึงได้อนุมัติการโอนสำนวนไปให้กองปราบปรามทำคดีเมื่อวันที่ 14 กันยายนที่ผ่านมา ซึ่งทั้งหมดก็มีเพียงเท่านี้ ทั้งตำรวจ และ พลเรือนก็มีส่วนเกี่ยวข้องในคดีเดียวกัน ทั้งการช่วยเหลือ และการทำลายหลักฐาน

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวอีกว่า กองปราบปรามมีอำนาจและศักยภาพ การปฏิบัติงานทั่วประเทศ โดยคดีนี้มีเพียงแค่จุดเดียวไม่ได้ยุ่งยากอะไร และทางพนักงานสอบสวนของกองปราบปรามก็มีจำนวนมาก ตนเห็นด้วยจึงให้โอนคดีไป หลังจากที่มีการโอนคดีแรกไปแล้วทางผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ก็ได้มีการให้ พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รอง ผบช.ก. เป็นหัวหน้า ตนมั่นใจว่าจะทำคดีออกมาได้ดี

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวอีกว่า การโอนคดีกำนันนกนั้น ไม่เกี่ยวข้องกับความขัดแย้งในการทำคดีนี้ โดยตนจะดูในภาพรวมทั้งหมด และให้ทาง บช.ก. และ บช.ภ.7 ลงไปทำหน้าที่ในส่วนของตัวเองให้เร็วที่สุด สิ่งที่จำเป็นที่สุดคือการรวบรวมพยานหลักฐานจับกุมผู้กระทำความผิดได้เร็วจนนำไปสู่การวิสามัญคนร้าย อีกทั้งในขณะนี้ตนยังสั่งการไปว่าตำรวจที่เกี่ยวข้องในคดีจะต้องถูกดำเนินคดีให้ได้ ส่วนคดีที่เกี่ยวข้องกับ ม.157 ทางพนักงานสอบสวนจะทำงานร่วมกับ ป.ป.ช. โดยจะนำสำนวนส่งให้ ป.ป.ช.เพื่อพิจารณาว่าจะส่งสำนวนกลับมาให้ตำรวจสอบสวนเพิ่มเติมหรือไม่

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวอีกว่า ในการฮั้วประมูลนั้น ถือว่าเป็นคดีพิเศษ ทางดีเอสไอ สามารถทำงานร่วมกับตำรวจได้ ซึ่งต้องไปเจรจากำหนดหน้าที่อีกครั้ง

ในส่วนที่กำนันนก เป็น กต.ตร.ภ.จว.นครปฐมนั้น พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ ระบุว่า ถือว่าเป็นบทเรียนที่สำคัญ ยอมรับว่าบางจังหวัดยังมีอยู่ในเรื่องของเครือข่ายผู้มีอำนาจในการเงิน ในเรื่องของผู้มีอิทธิพล หากมีอีกทางผู้บังคับการอาจต้องรับผิดชอบ หรือ ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน กต.ตร.ในตำแหน่งอยู่แล้ว หากมีการประชุมแล้วพบว่ามีคนไม่ดีเข้ามาเป็นท กต.ตร. ก็ต้องพิจารณาให้บุคคลนั้นออกจากตำแหน่ง กต.ตร. อย่างไรก็ตามหลังจากนี้จะต้องมีการพิจารณา และเข้มงวดในการลงสมัคร กต.ตร. หรือรวมถึงเรื่องของอาวุธปืนก็ดี ที่ต้องมีการประสานกับกระทรวงมหาดไท เพื่อเชื่อมโยงข้อมูลกัน เพราะทางตำรวจไม่ได้ทำเรื่องอนุญาตเรื่องอาวุธปืน ปัจจุบันตำรวจจึงไม่รู้ว่ามีใครครอบครองปืนกี่กระบอก จึงควรมีการเชื่อมข้อมูลร่วมกันในองค์ประกอบภาพรวม





คำที่เกี่ยวข้อง : #กำนันนก  









©2018 CK News. All rights reserved.