ผอ.ฟ้า ขึ้นศาลสู้คดี อดีต คสช. ใช้ ม.44 ปิดสถานีวิทยุโทรทัศน์ดาวเทียม


25 ส.ค. 2566, 16:01

ผอ.ฟ้า ขึ้นศาลสู้คดี อดีต คสช. ใช้ ม.44 ปิดสถานีวิทยุโทรทัศน์ดาวเทียม




จากกรณีที่เมื่อเดือน พ.ย 2558 ทหาร คสช และ คณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (กสท.)  เข้าตรวจค้นสถานีวิทยุโทรทัศน์ดาวเทียม ตั้งอยู่เลขที่ 45/410-411 ซอยบอนด์สตรีท ถนนติวานนท์ ต.บางพูด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี โดยอาศัยอำนาจตามคำสั่งหัวหน้า คสช.เลขที่ 3/2558 ลงวันที่ 1 เมษายน 2558 เรื่อง การรักษาความสงบเรียบร้อยและความมั่นคงของรัฐ ประกอบรัฐธรรมนูญชั่วคราว พ.ศ.2557 มาตรา 44 ภายหลังตรวจสอบพบว่า มีการออกอากาศรายการทีวีรายการหนึ่ง คือรายการ “เสียงเสรี” ของ อดีตผบ.ตร. ซึ่งมีเนื้อหาเข้าข่ายเป็นภัยต่อความมั่นคงของรัฐ กระทบต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชน และไม่ได้รับอนุญาตให้เปิดสถานี โดย  มี นางพรทิพา สุพัฒนุกูล  เป็นเจ้าของสถานีวิทยุโทรทัศน์ดาวเทียม “ ฟ้าให้ทีวี (Fahai TV)” และสำนวนคดีส่งให้กองปราบปรามดำเนินคดีส่งฟ้องศาลไปแล้วนั้น


โดยวันนี้ 24 สิงหาคม 2558 ศาลมีคำสั่ง นัดสืบพยานฝ่ายจำเลย คือ นางสาวพรทิพา  สุพัฒนุกูล  เจ้าของสถานีช่องดังกล่าวให้ปากคำที่ศาลจังหวัดนนทบุรี

ต่อมาเวลา 17.00 น.ทาง นางสาวพรทิพา ผอ.ฟ้า กล่าวว่า  วันนี้เป็นวันที่ 3 ที่ศาลนัดสืบพยานฝ่ายจำเลย ซึ่งเรื่องนี้มีปัญหาตั้งแต่ 2558 ซึ่งตอนนั้นเป็นข่าวดังมาก คือการใช้ ม.44 ครั้งแรก ของช่องฟ้าให้ทีวี ตอนนั้นถือว่าเป็นอะไรที่ตกใจมาก และมาตรา116 ทหารบุกเข้ามา ค้นเหมือนหาอะไรบางอย่าง แต่ในลักษณะการหาก็คิดว่า หาท่าน เสรี อยู่ ตอนนั้น เขาหาท่านไม่เจอ เขาก็บอกว่า ผอ.ฟ้า เป็นเจ้าของ ฟ้าคุ้มหรือป่าวก็คือมีความผิดด้วย ฐานปุกปั่น สร้างกระแส คือตอนนั้นมาเพื่อรายการ”เสียงเสรี “ ล้วนๆ พอหลังจากนั้นลักษณะของการดูใบอนุญาติของ ฟ้าให้และฟ้าคุ้ม ก็เป็นชื่อของผอ.ฟ้า
ซึ่งเรื่องผ่านมา8 ปี ก็คือ มาในยุคของ กสทช.

หลังจากนั้นมาเขาก็แจ้ง ผอ.ฟ้าว่าไม่มีใบอนุญาติ ผอ.ฟ้าเลยบอกว่าถ้าไม่มีใบอนุญาติ ipm เขาจะยิงสัญญาณให้เราทำไม ตนก็พยายามอธิบาย แต่เขาก็ขอใบอนุญาติเดี๋ยวนั้นเลย ตนก็ได้ต่อสายเปิดลำโพงให้ทาง ท่าน บุลิน และทหารได้ฟัง แล้วคุณมานพ บอกว่าถ้า มาตรา 44 ใครจะกล้าออกมา ขอเลื่อนเป็นวันอื่น ให้ไปให้ปากคำ และนำเอกสารไปยื่นที่กองปราบก็เลยเป็นเรื่องราว

แต่ท่าน บุลิน ท่านเป็นคนดี ไม่มีเรื่องอะไรเลย แต่ว่าของ คสช. และ กสทช  ต้องแยกกัน เพราะว่า คสช.ไม่เจออะไร แต่พอเป็น

กสทช ก็ขอยึดเครื่องไปก่อนเพราะว่าเครื่องกลัวเอามาแบบผิดกฎหมาย พอยึดเครื่องไปตรวจสอบ ก็มีเอกสารยืนยันทุกอย่าง ตรวจสอบแล้วไม่ผิดกฎหมายนำมาอย่างถูกต้อง 

ซึ่งสามารถเป็นใครก็ได้ที่จะซื้อและนำมาใช้ได้ ซึ่งเรียกว่าตามท้องตลาดหาซื้อได้ กองปราบก็ได้คืนมาให้ พอเขาส่งผู้ต้องหาทั้ง6คนขึ้นศาลทหาร ศาลทหารยกฟ้องหมดเลย มีคำสั่งไม่ฟ้อง แต่ว่าไม่จบก็คือเอกสารนั้นทหารก็ตีกลับมาที่กองปราบ

ก็ได้เก็บเรื่องไว้นานมากจนในที่สุด ปี64 ศาลได้มีคำสั่งฟ้อง 2 ผู้ต้องหา คือ บริษัท ฟ้าคุ้ม จำกัด และ ตนเอง นางสาวพรทิพา ถึงตนจะไม่ใช้เจ้าของใบแต่ก็สามารถผลิตรายส่งให้เขาได้ ร่วมกันทำงานเพื่อที่จะหาค่าสัญญาณ ค่าใบอนุญาติ ซึ่งมีมูลค่าสูง มิฉะนั้นในการที่บอกว่าถ้าสู้แล้วแพ้ จะติดคุกมากกว่า หรือทั้งจำทั้งปรับ อาจจะถูกปรับมากกว่าให้สารภาพ

แต่ตัวผอ.ฟ้าเองด้วยความเป็นนักสู้ ตนก็บอกไม่เป็นไร ตนจะสู้อย่างสมศักดิ์ศรี ต่อให้ตนแพ้จริงๆ สมมุติว่าแพ้จริงๆก็ขอให้แพ้บนเวที ไม่ใช่ว่าเดินขึ้นไปบนสนามชกมวย คู่ต่อสู้ตัวใหญ่กว่าก็ยอมแพ้เลย ซึ่งมันไม่สมศักดิ์ศรี 

ซึ่ง ผอ.ฟ้าคิดว่าต่อให้คู่ต่อสู้ คู่ชกตัวจะใหญ่แค่ไหน แต่ก็ขอขึ้นชกให้สมศักดิ์ศรีแพ้ก็ขอให้สังคมได้เห็น แต่ไม่ใช่แพ้แบบลับๆ ล้มมวยต้มคนดู เราต้องสู้ให้สมศักดิ์ศรีต่อให้แพ้เสียเงินมากกว่ามันก็มีศักดิ์ศรี ต่อให้การที่จะโดนโทษมากกว่า ก็ยอมเลือกที่จะสู้ ถ้าสู้ก็มีโอกาสรอด

เพราะตนรู้ว่าอะไรจริง อะไรเท็จ ถ้า ผอ.ฟ้ารู้ว่าผิด บอกให้สารภาพตนก็จะให้สารภาพ ณ ตอนนั้นเลย  เสียน้อยและไม่มีคดีติดตัว ถ้าจะสู้ก็ขอให้สู้อย่างสมศักดิ์ศรี เพราะตนถือว่า ก็เป็นสื่อ สื่อหนึ่ง เชื่อว่าสื่อทุกคนเข้าใจเรา ถ้าถามว่าวันนี้ทำไมไม่ติดต่อท่านอดีต ผบ.ตร. ซึ่งมีสื่อหลายๆสื่อถามตน คำถามนี้

ก็ทางผู้ใหญ่ได้สั่งตนว่า ถ้าจะเลือกเขาห้ามไปเลือกนายตำรวจท่านนี้ ถ้าเลือกจะเอาให้หนัก มันจึงต้องเลือกพอตนเลือก ทุกวันนี้ตนมองหน้าท่านอดีต ผบ.ตร.ไม่ได้  อยากบอกท่านว่าถูกหักหลังตนก็ละอายแก่ใจ เพราะตอนนั้นเราไม่ได้เลือกเขา แต่เราเลือกในสิ่งที่เขาสั่งให้เราเลือก

โดยศาลได้นัดพยานฝ่ายจำเลยมาให้การอีกครั้งในวันที่ 12 กันยายน 2566 อีกครั้ง ผอ.ฟ้ากล่าว





คำที่เกี่ยวข้อง : #ขึ้นศาล  









©2018 CK News. All rights reserved.