รวบ 2 เครือข่ายยาเสพติดย่านฝั่งธน ขายผ่านทวิตเตอร์ ยึดยาบ้ามูลค่ากว่า 20 ล้านบาท


20 ก.ค. 2566, 19:48

รวบ 2 เครือข่ายยาเสพติดย่านฝั่งธน ขายผ่านทวิตเตอร์ ยึดยาบ้ามูลค่ากว่า 20 ล้านบาท




วันที่ 20 กรกฎาคม 2566 พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น.พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น.สั่งการให้ พล.ต.ต.นครินทร์ สุคนธวิท ผบก.น.6 พ.ต.อ.นริศ ปรารถนาพร รอง ผบก.น.6 พ.ต.อ.เชิดศักดิ์ รอดเข็ม ผกก.สส.บก.น.6 นำกำลังจับกุม 2 เครือข่ายยาเสพติด ผู้ต้องหา 4 ราย พร้อมยึดของกลาง ยาไอซ์ 33 กิโลกรัม ยาเค 36 กิโลกรัม เฮโรอีน 3 แผ่น (ประมาณ 1 กิโลกรัม) และยาบ้า 228,000 เม็ด รวมมูลค่ายาเสพติดประมาณ 20 ล้านบาท

สืบเนื่องจากตำรวจทำการสืบสวนขยาย หลังจับกุม นายเอกรัตน์ อายุ 25 ปี ผู้ต้องหาคดียาเสพติดที่มีการโพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ ขายเฮโรอีนส่งผ่านพัสดุ เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน ที่บริเวณหน้าขนส่งพัสดุ ในซอยพุทธมณฑลสาย 3 จึงได้ทำการขยายผล จนสามารถรู้ตัว และทราบเบาะแสเครือข่ายยาเสพติด จนสามารถจับกุมได้ทั้งหมด

เริ่มแรกเมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2566 เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนนครบาล 6 ได้เฝ้าสะกดรอยบริเวณบ้านพักของนายกิติพงศ์ อายุ 19 ปี พบขับขี่รถจักรยานยนต์ออกมาจากบ้านพัก เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้สะกดรอยติดตามไปโดยมุ่งหน้าไปบริเวณปากซอยเทอดไท 76 และได้หยิบถุงดำที่วางไว้บริเวณปากซอย ใส่ในกระเป๋ากล่องบริเวณท้ายรถจักรยานยนต์ และขับขี่มุ่งหน้าไปซอยเพชรเกษม 67 แยก 6 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ติดตามมาอย่างต่อเนื่อง จนมาถึงบริเวณจุดจับกุมปากซอยบางแค 1 ก่อนจะออก ถ.เพชรเกษม เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ได้ติดตามมาจึงได้จับกุมตัวและขอทำการตรวจค้น พบยาไอซ์ จำนวน 2 กิโลกรัม ซุกซ่อนอยู่ในถุงพลาสติกสีดำ วางอยู่ในกล่องบริเวณท้ายรถจักรยานยนต์ 

และรับว่ายาไอซ์ของกลางที่ตรวจพบจะนำไปส่งให้นายสมศักดิ์ ในซอยเพชรเกษม 94 แยก 14 แขวง-เขตบางแค กทม. นายกิติพงศ์ จึงได้พาเจ้าหน้าที่ตำรวจไปที่บ้านของนายสมศักดิ์ จนพบตัวขณะยืนอยู่หน้าบ้าน นายสมศักดิ์ รับว่า ยาไอซ์ที่พบที่ตัวนายกิติพงษ์ จะนำมาส่งให้จริง 

โดยรับว่า ยังมียาเสพติดเก็บไว้ในบ้านอีก และได้พาเจ้าหน้าที่ตำรวจไปตรวจค้นพบ เฮโรอีน 1 แผ่น (ประมาณ 3 ขีด), เคตามีน 106 กรัม, ยาบ้า 2,000 เม็ด จึงได้จับกุมตัวในข้อหา “ร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาไอซ์,ยาบ้าและเฮโรอีน) โดยการมีไว้เพื่อจำหน่าย อันเป็นการกระทำเพื่อการค้า และก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน และร่วมกันมีวัตถุออกฤทธิ์ (เคตามีน) โดยการมีไว้เพื่อจำหน่าย อันเป็นการกระทำเพื่อการค้า”

จากการซักถามขยายผลนายกิติพงศ์ ทราบว่า ติดต่อไปรับยาไอซ์ของกลางมาจากนายชวการ อายุ 28 ปี และนายวินัย อายุ 45 ปี บริเวณปากซอยเทอดไท 76 เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้กระจายกำลังเฝ้าสังเกตุการณ์บริเวณถนนเทอดไท จนพบตัวนายชวการ และนายวินัย ซึ่งมีลักษณะตรงตามที่นายกิติพงศ์ ให้การไว้ ได้ขับรถยนต์เข้าไปจอดภายในลานจอดซอยเทอดไท 77/1 

จากนั้น นายชวการ และนายวินัย ได้เดินไปยังรถยนต์ ยี่ห้อมิชซูบิชิ ปาเจโร่ สีดำ ซึ่งจอดอยู่ภายในลานจอดดังกล่าว จากนั้น นายชวการ ได้ทำการหยิบถุงพลาสติกสีดำ ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับยาเสพติดที่ได้นำมาส่งให้กับนายกิติพงศ์ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้แสดงตัวขอตรวจค้น 

ผลการตรวจค้นพบยาไอซ์ 31 กิโลกรัม, ยาบ้า 228,000 เม็ด, เฮโรอีน 3 แผ่น (ประมาณ 1 กิโลกรัม), เคตามีน 10 กิโลกรัม ซุกซ่อนอยู่ในรถยนต์ปาเจโร่คันดังกล่าว จึงได้จับกุมตัวนายชวการ และนายวินัย ในข้อหา “ร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า ยาไอซ์ และเฮโรอีน) โดยการมีไว้เพื่อจำหน่าย อันเป็นการกระทำเพื่อการค้า และก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน และทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไป และร่วมกันมีวัตถุออกฤทธิ์ (เคตามีน) โดยการมีไว้เพื่อจำหน่าย อันเป็นการกระทำเพื่อการค้า”

ขณะจับกุมได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่า รถยนต์ยี่ห้อ ฮอนด้า รุ่น แอคคอด นายวินัย เป็นผู้ขับมาจอดในลานจอดรถเช่นเดียวกัน โดย นายวินัย รับว่าเป็นขับมาจอดจริง แต่ไม่มีลูกกุญแจ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้นำรถยนต์มาที่กองกำกับการสืบสวนตำรวจนครบาล 6 ต่อมาวันที่ 20 กรกฎาคม เจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงได้ตรวจค้นในรถยนต์คันดังกล่าวพบยาเค จำนวน 26 กิโลกรัม จึงได้ทำการตรวจยึดไว้

สอบถามผู้ต้องหา ให้การว่ารับสารภาพว่า ยาเสพติดดังกล่าวได้รับคำสั่งจากผู้ใช้แอปพลิเคชั่นไลน์ชื่อว่า หนุมาน 168 เป็นผู้สั่งการให้ไปรับยาเสพติด และนำมาพักไว้บริเวณลานจอดรถภายในซอยเทอดไท 77/1 แขวงบางหว้า เขตภาษีเจริญ กรุงเทพฯ และนำออกส่งให้กับลูกค้า 

โดยได้ค่าจ้างครั้งละประมาณ 5,000-10,000 บาท เงินค่าจ้างที่ได้นำมาใช้ในชีวิตประจำวัน นำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวนกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติดเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป


 





คำที่เกี่ยวข้อง : #ยาบ้าล๊อตใหญ่  









©2018 CK News. All rights reserved.