อดีตหนุ่มโรงงาน มีอาการป่วยทางจิตฯ จึงลาออกมารักษาตัวได้ 2 ปี จู่ๆนึกได้ว่ามีเงินติดบัญชีอยู่ 3 พันบาท จึงเดินทางไปถอนเงินที่ธนาคารแต่บัญชีได้ถูกอายัดบัญชีไว้ จาก สภ.ขมิ้น จ.สกลนคร กล่าวหาว่า บัญชีดังกล่าวได้ถูกนำไปหลอกลวงหรือฉ้อโกงผู้อื่น มีผู้เสียหายเยอะ เจ้าตัวโร่แสดงความบริสุทธิ์โดยเดินทางมาลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สภ.ท่าตูม จ.สุรินทร์
วันที่ 21 มิถุนายน 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นาย ฉลอง ใจกล้า อายุ 44 ปี อยู่บ้านเลขที่ 69/1 หมู่ที่ 4 ต.หนองเมธี อ.ท่าตูม จ.สุรินทร์ ซึ่งเป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่ ได้พานายสนธยา เสพสุข อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 60 หมู่ที่ 4 ต.หนองเมธี อ.ท่าตูม จ.สุรินทร์ ซึ่งเป็นน้องชาย เดินทางเข้าพบกับ พ.ต.ท.ประเสริญ จันทร์แดง รอง.ผกก.ป.สภ.ท่าตูม เพื่อแจ้งลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน โดย นายสนธยา ได้เล่าว่า ก่อนหน้านี้ ทำงานอยู่ที่บริษัทแห่งหนึ่งใน อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี ซึ่งทางบริษัทได้พาตน ไปเปิดบัญชีธนาคารไว้ เพื่อสะดวกต่อการโอนจ่ายค่าจ้าง โดยเปิดเป็นบัญชีธนาคารกสิกรไทย สาขา กบินทร์บุรี เป็นบัญชีเลขที่ 2022714087 ซึ่งนายสนธยา ได้รับเงินค่าจ้างจากบริษัทผ่านบัญชีนี้เรื่อยมา
จนเมื่อประมาณ 2 ปีที่ผ่านมา ตน มีอาการป่วยทางประสาท จึงได้ลาออกมารักษาอาการป่วยอยู่ที่ภูมิลำเนาบ้านเกิดได้ระยะหนึ่ง ตนนึกได้ว่า ในบัญชีธนาคารของตนนั้นน่าจะมีเงินอยู่ในบัญชีประมาณ 3,000 บาทเศษ จึงได้ชักชวน นาย ฉลอง ใจกล้า(พี่ชาย) ให้พาไปถอนเงินจำนวนดังกล่าว ที่ธนาคารกสิกรไทย สาขา อ.ท่าตูม จ.สุรินทร์ แต่เมื่อไปถึงทางธนาคาร เจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งว่าบัญชีธนาคารของตน ได้ถูกอายัดไว้ จากทางสถานีตำรวจภูธรขมิ้น จ.สกลนคร โดยมี ร.ต.อ.ไพรัช ไม่ทราบนามสกุล เป็นพนักงานสอบสวนเจ้าของคดี
ต่อมา นายฉลอง ใจกล้า จึงได้พานายสนธยา เดินทางเข้าพบกับ พ.ต.ท.ประเสริฐ จันทร์แดง รอง ผกก.ป.สภ.ท่าตูม เพื่อปรึกษาเรื่องดังกล่าว และประสานไปยัง ร.ต.อ.ไพรัช พนักงานสอบสวนเจ้าของคดี สถานีตำรวจภูธรขมิ้น จ.สกลนคร ได้รับข้อมูลว่า บัญชีของนาย สนธยา ได้ถูกนำไปหลอกลวงหรือฉ้อโกงผู้อื่น โดยให้โอนเงินเข้ามายังบัญชีของนายสนธยา และมีผู้เสียหายมาแจ้งความไว้เยอะ จึงได้สั่งอายัดหมายเลขบัญชีของนายสนธยาไว้ก่อน แต่ยังไม่ได้มีหมายเรียกถึงนายสนธยา เพื่อไปแจ้งข้อกล่าวหาว่ามีส่วนนำสมุดบัญชี และเอทีเอ็ม ไปหลอกลวงฉ้อโกง แต่อย่างได
นายสนธยา เสพสุข ยังได้กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า หลังจากที่ตนเองลาออกมาจากงานแล้ว ไม่เคยให้ใครยืมบัญชีธนาคาร หรือบัตร เอทีเอ็ม ไปเลย ไม่รู้ว่ามีเม็ดเงินจำนวนมากโอนเข้ามาได้อย่างไร จึงอยากมาแสดงความบริสุทธิ์โดยลงบันทึกประจำวันไว้ หากมีหมายเรียกมา ก็จะให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่อย่างที่สุด
©2018 CK News. All rights reserved.