เมื่อวันที่ (วันที่ 7 มิ.ย.66 )ที่ผ่านมา นายชัยวัฒน์  ลิ้มลิขิตอักษร ผู้อำนวยการสำนักอุทยาน กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช เปิดเผยว่า ได้ร่วมกับ นายพนัชกร โพธิบัณฑิต ผู้อำนวยการส่วนยุทธการด้านป้องกันและปราบปรามหน.ชุดพญาเสือ พ.ต.อ.ต่อศักดิ์ ศรีเสริม ผู้กำกับ สภ.กาบเชิง   สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 9อุบลราชธานี กองร้อยทหารราบที่ 213 หน่วยเฉพาะกิจที่ 2 กองกำลังสุรนารี   ปทส.กก.สืบสวน ภ.จว.สุรินทร์ สำนักงานสนับสนุนการป้องกันและปราบปรามที่ 2 หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ สร.4 ชุดปฏิบัติการพิเศษป่าไม้สุรินทร์ ฝ่ายปกครอง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ร่วมกันเข้าตรวจสอบ ภายในสระน้ำบริเวณกระท่อมกลางทุ่งนา พิกัด 354751 E 1602548 N  บ้านตะเคียน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ ร่วมกันตรวจยึดไม้พะยูงหวงห้าม ลักขณะเป็นท่อน จำนวน 123 ท่อน รถบรรทุก 6 ล้อมีเครนป้ายทะเบียนรถยนต์ 83-1635 สุรินทร์ 1 คัน ของนายสม สร้อยจิตร อยู่บ้านเลขที่ 172 ม.9  ต.ตะเคียน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์   

จากการตรวจสอบพบไม้พะยูงบางท่อนมีลักษณะใหม่สด เป็นไม้แก่นล่อน มีร่องรอยการถาก เขียนระบุน้ำหนักแต่ละท่อน ตรวจสอบที่หน้าตัดของไม้ไม่พบร่องรอยรูปรอยดวงตราของพนักงานเจ้าหน้าที่แต่อย่างใด จึงทำการตรวจยืดไว้เป็นหลักฐาน 
โดยเจ้าหน้าที่ได้รับรายงานว่ามีขบวนการแอบลักลอบทำไม่ผิดกฎหมายส่งนายทุน  จึงนำกำลังดักซุ่มบริเวณที่เกิดเหตุ ก่อนพบจักยานยนต์ขับเข้าออกกระท่อมกลางทุ่งนา ที่มีสระน้ำล้อมรอบ4สระ จนเป็นที่สงสัย  

จากนั้นมีคนเข้ามาประมาณ 10 คนก่อนลงไปในสระน้ำ   และมีรถบรรทุกมีเครนยกไม้ 6 ล้อจอดอยู่ 1 คัน กลุ่มคนดังกล่าวได้ขนไม้ ขึ้นหลังรถก่อนกำลังขับออกไป  เจ้าหน้าที่ที่ดังซุ่มได้ออกมาแสดงตัวขอเข้าตรวจสอบ จากการตรวจสอบพบไม้พะยูงมากกว่า 60 ท่อนบนรถ  

จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ลงไปตรวจสอบภายในสระน้ำ พบไม้พะยูงที่ถูกซุกซ้อนอยู่ภายในสระน้ำจำนวนมาก  ก่อนทำการเคลื่อนย้ายขึ้นมาจากสระน้ำ ร่วมทั้งสิ้นจำนวน 123 ท่อน และทำการตรวจยึดไม้พยุงไว้เป็นหลักฐาน
 
จากการสอบสวน นายสม สร้อยจิตร อ้างว่า ได้รับซื้อสะสมไม้พะยูงจากที่ต่างๆ โดยมีพ่อค้านำมาส่งให้ทุกครั้งในบริเวณสระน้ำที่เกิดเหตุ   ตนรับซื้อมาท่อนละ 10,000 - 20,000 บาท แล้วแต่ความสวยงามของไม้ โดยไม้พะยูงที่ตรวจพบกำลังจ้างแรงงานในหมู่บ้าน พร้อมรถบรรทุก 6 ล้อ เตรียมการขนย้ายไปส่งต่อให้นายทุนที่จะนำไปขายยังต่างประเทศ  

แต่ถูกเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบเสียก่อน ทั้งนี้ตนได้ปรึกษาเรื่องเอกสารกับเจ้าหน้าที่ป่าไม้ในสุรินทร์ เพื่อขอออกใบเคลื่อนย้ายไม้ก่อนหน้านี้แล้ว   ขณะเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบตนได้แจ้งนายทุนที่จะมารับซื้อไม้แล้ว แต่นายทุนดังกล่าวแนะนำตนให้ลบข้อมูลเบอร์ของนายทุนและการติดต่อสื่อสารระหว่างกันทั้งหมดในมือถือ ก่อนที่จะถูกนายทุนบล็อกเบอร์ไป  

จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจสอบเอกสารการเอกสารสิทธิ์ครอบครองไม้ พบว่าไม่ตรงกับไม้พะยูงที่ตรวจยึดได้ดังกล่าว นายสม ผู้ครอบครองไม้พะยูงได้นำหลักฐานเอกสารยื่นการได้มาของไม้พะยูง ทั้งหมด 20 ฉบับ ให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ เจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบปรากฏว่าเอกสารทั้งหมดเป็นเอกสารเท็จทั้งสิ้น 

อาทิเช่น เอกสารในการซื้อขายตกลงกันเป็นไม้ยางนา จำนวน 5 ต้น แต่ภาพประกอบ 5 แผ่น ที่แนบในเอกสารเป็นไม้พะยูงทั้งหมด ก่อนนายสม ยอมรับว่าไม่มีเอกสารครอบครองไม้ ไม่มีมีเอกสารการซื้อขาย และไม่มีการซื้อขายเกิดขึ้นจริง  

จากการสืบสวนและติดตามขบวนการทำไม้ พบว่าไม้ดังกล่าวเป็นของกลุ่มขบวนการมู่หลาน ก่อนหน้าที่เคยถูกเจ้าหน้าที่ตรวจยึดติดตามมาอย่างต่อเนื่อง  เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบข้อมูลการโทรติดต่อของนายทุนที่ติดต่อเกี่ยวข้องกับไม้ดังกล่าว  พบว่าได้มีการโทรเข้ามือถือส่วนตัวของนายสม  มีการพูดคุยกันหลายนาที และยังพบว่าเบอร์ดังกล่าวเป็นเบอร์ของเฟอร์นิเจอร์แห่งหนึ่งในแม่กลองรายใหญ่   

ปัจจุบันเครือข่ายไม้ดังกล่าวมีการดำเนินการในเครือข่ายค้าไม้ใน ภาคกลาง ภาคเหนือ และภาคอีสาน ทางเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมคาดว่าอาจมีเจ้าหน้าที่ป่าไม้ใน จ. สุรินทร์ เป็นผู้อยู่เบื้องหลัง ก่อนเตรียมขยายผลจับกุมทะลายเครือข่ายมู่หลานนี้ให้สิ้น